Know your kid – ISSUE 3
“สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต”
เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยู่มาวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้เพื่อนในสมัยวัยเด็กต่างต้องมาพบเจอกัน ซึ่งแต่ละครอบครัวก็นำลูก ๆ ของแต่ละคนมาอยู่ร่วมกัน แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่เด็ก ๆ ของแต่ละครอบครัวนั้นเข้ากันได้ยากมาก เมื่อพ่อของแต่ละคน (ซึ่งเป็นเพื่อนซี้กันในสมัยเด็ก) ได้มานั่งพูดคุยกันถึงปัญหานี้ ก็ทำให้ค้นพบว่าอาจเป็นเพราะกิจกรรมที่ทำกันสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เด็กสมัยก่อนมักหากิจกรรมนอกบ้าน หรือแม้แต่ของใกล้ตัวนำมาประดิดประดอยทำกัน ปีนป่ายต้นไม้กันเป็นว่าเล่น ไม่เหมือนสมัยนี้ที่กิจกรรมหลักของเด็ก ๆ ก็คงหนีไม่พ้นเกมส์คอมพิวเตอร์ เกมส์มือถือ และเทคโนโลยีต่าง ๆ อีกคับคั่ง ไม่มีเพื่อนเล่นก็ไม่เป็นไรเพราะยังมีเกมส์เป็นเพื่อน ผมลองมานั่งย้อนนึกดูสมัยเมื่อผมเป็นเด็ก ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสพวกเทคโนโลยีไฮเทคพวกนี้ อย่างมากก็ได้เล่นรถบังคับเท่านั้น ต่างกับสมัยนี้มากมายที่เด็กไม่ถึงสามขวบกลับเล่นเกมส์ต่าง ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรือที่เขาบอกว่าเด็กสมัยนี้เก่งกว่าสมัยก่อนจะเป็นเรื่องจริง
หากจะคิดไปแล้วผมไม่แปลกใจนักหรอกครับที่เด็ก ๆ สมัยนี้มักถนัดทางด้านเทคโนโลยีสื่อสารกันมากพอตัว เพราะทั้งที่โรงเรียนเองก็ยังมีวิชาคอมพิวเตอร์สอนกันตั้งแต่อนุบาล ไล่ไปยังเด็กประถมก็ต่างพกมือถือเป็นของตัวเองกันแล้ว ถัดมามัธยมเองก็ใช่น้อยมีแชทบล็อค เฟซบุ๊ค เล่นกันอย่างคล่องแคล่วเลยทีเดียว แล้วจะให้เด็ก ๆ เอาเวลาที่ไหนมาสนใจกิจกรรมอย่างอื่นล่ะครับ คิดดูเล่น ๆ นะครับสมัยนี้จะเปิดทีวี ก็เพียงแค่กดรีโมทเท่านั้น ต่างกับสมัยก่อนครับที่คุณต้องเดินไปเปิดทีวีที่โทรทัศน์เอง หรือแม้แต่อาจต้องเดินไปเปลี่ยนช่องด้วยตัวเองด้วยครับ เทคโนโลยีก็นำความสบายมาให้เราแบบนี้แหละครับ แต่ถ้าจะถามผมว่าเด็กสมัยนี้เก่งกว่าสมัยก่อนจริงหรือ อันนี้ตอบยากครับ เพราะกิจกรรมที่ทำมันต่างกัน เด็กก็เลยเอาความเก่ง ความสามารถใส่ไว้ในกิจกรรมนั้น ๆ ครับ เด็กสมัยก่อนอาจสร้างเก้าอี้จากเศษไม้ที่เหลือใช้ได้ ต่างกับสมัยนี้ที่ต่างก็คิดว่าเศษไม้ก็คือเศษขยะที่ใช้การอะไรไม่ได้ครับ แต่ถ้าถามเรื่องความอดทน ผมมั่นใจว่าเด็กสมัยนี้ความอดทนน้อยกว่า หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ตามที่ผมเชื่อว่ามีความอดทนน้อยกว่าสมัยรุ่นพ่อแม่เรามากครับ
และช่วงเวลานี้ก็ใกล้ช่วงปิดเทอมเข้ามาทุกที หลายครอบครัวอาจมองหากิจกรรม หรือสถานที่ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งก็ดีไม่น้อยครับ สำหรับตัวผมปิดเทอมถือว่าเป็นโอกาสทองทั้งต่อตัวเด็กเอง เพราะเขาสามารถพักผ่อนกายและใจจากการเรียนและการสอบครับ (หากคุณไม่ได้ให้เขาเรียนติวเข้มกวดวิชานะครับ) และข้อดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่นั้นก็แน่นอนว่าครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันหรือหากิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ครับ แต่จะดียิ่งกว่าไหมครับที่กิจกรรมที่คุณเลือกทำสามารถเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้เขาได้ด้วย ครอบครัวไหนที่ใช้เวลาว่างส่วนมากหมดไปกับเทคโนโลยีสื่อสารต่าง ๆ ปิดเทอมนี้ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูไหมครับ คุณพ่อคุณแม่ลองหากิจกรรมที่เหมาะกับลูกในวัยของคุณทำร่วมกันดู นอกเหนือจากการวางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ซึ่งหลาย ๆ ครอบครัวก็คงต้องทำกันอยู่แล้ว แต่ลองกิจกรรมใกล้ตัวอื่น ๆ บ้างไหมครับ เช่น การไปจ่ายตลาดใกล้บ้าน ซึ่งอย่ามองว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่นะครับ เพราะแค่การจูงลูกไปตลาดใกล้บ้านก็เท่ากับเป็นการสอนลูกไปในตัวด้วย เพราะตลาดนั้นถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเด็กวัยอยากรู้อยากเห็น นับตั้งแต่การวางแผนกันว่าจะทำอะไรเป็นกับข้าวเย็นนี้ดี เรื่อยไปถึงการเรียนรู้เรื่องเงินทอน ค่าใช้จ่าย วิธีการเลือกซื้อผักผลไม้ และแม้แต่การช่วยกันทำกับข้าว เพียงกิจกรรมง่าย ๆ นี้ คุณก็สามารถใช้เวลาหลายชั่วโมงหมดไปกับการสอนลูกในเรื่องใกล้ตัวที่เขาอาจไม่เคยรับรู้ แต่รับรองว่าได้ประโยชน์อย่างมากมาย และที่สำคัญสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวได้อย่างดีทีเดียว
คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถมอบหมายงานง่าย ๆ ให้เด็กหัดมีความรับผิดชอบได้อีกด้วย เช่น การพับผ้าปูที่นอนหลังตื่นนอน การช่วยพับผ้า การช่วยรดน้ำต้นไม้ ช่วยล้างรถ และอีกมากมายหลายอย่าง ที่ผมมองว่าเด็กสมัยนี้มักขาดแคลนความรู้รอบตัวเหล่านี้ครับ ผมเชื่อว่าวัยรุ่นสมัยนี้หลายคนไม่สามารถเย็บกระดุมที่หลุดขาดออกจากเสื้อได้ หรือแม้แต่ซักผ้าด้วยมือก็อาจจะเป็นรื่องยากเย็นแสนเข็น ก็เข้าใจเด็กสมัยนี้ครับ เพราะว่าเขาไม่ได้ถูกฝึกมาแบบนั้น กระดุมเสื้อขาดนิดก็ส่งซ่อมกับช่างบ้างล่ะ ของเล่นเสียหน่อยก็โยนทิ้งขยะไปบ้างล่ะ น่าเสียดายไหมครับที่ประสบการณ์ความรู้ของเด็กรุ่นใหม่มักยึดติดแค่ค่าของเทคโลยี
อยากให้คุณพ่อคุณแม่คิดครับว่าช่วงเวลาปิดเทอมคือช่วงเวลาที่เป็นโอกาสดีที่เราสามารถเสริมสร้างประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆให้กับลูกได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมากมายครับ แค่เริ่มจากสิ่งรอบตัว ตั้งใจทำให้ดี และมีความอดทน ผมอยากให้ปิดเทอมที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นช่วงเวลาสำหรับเด็กที่พ่อแม่อย่างเราสามารถเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตให้กับเขาได้อย่างเต็มที่ ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ที่ไม่ได้อยู่ในตำราเรียน แต่เป็นประสบการณ์ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่สามารถมอบให้เขาได้ด้วยตนเอง ประสบการณ์ที่เขาสามารถจดจำไปใช้ได้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ประสบการณ์ที่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้อยู่ร่วมกัน และมีค่าควรจดจำ และมันจะเป็นช่วงเวลาที่เด็กน้อยคนหนึ่งรอคอยช่วงเวลานี้ของทุกปีครับ